วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การอ่านด้วยไพ่ 3 ใบ ... ตอนที่ 4

หลังจากออกไปตามไขปริศนากับ Holmes แล้ว เรามาต่อวิธีการอ่านไพ่แบบ 3 ใบ กันต่อดีกว่าครับ ตอนนี้อาจจะงงหน่อย ลองอ่านซ้ำหลายๆรอบดูนะครับ ถ้ายังงงอีก หลังจากบอกครบหมดทุกรูปแบบแล้ว ผมมีวิธีง่ายๆ ให้ สำหรับใครที่รู้สึกสับสน .. ผมก็คนนึงล่ะ

Central Origin 

สำหรับรูปแบบนี้ให้สังเกตไพ่ใบกลาง โดยภาพบุคคล หรือวัตถุจะหันหน้าตรงมองมาทางเรา จะก้มหรือจะหงายก็ได้ และไพ่ใบซ้ายและขวาจะห้นหน้าหนีจากไพ่ใบกลาง หรืออาจจะหันหน้าตรงมาทางเราได้อีกเหมือนกัน .. สรุปคือไม่หันเข้าหาใบกลาง


... หายไปหลายเดือน ชายคนเดิมก็ได้กลับมาหาอีก คราวนี้มาด้วยรอยยิ้ม ซึ่งต่างจากคราวที่แล้ว ที่คิ้วแทบจะชนกันเป็นเส้นเดียว เขาเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่เอาแผนการเปิดตลาดที่ประเทศเพื่อนบ้าน ไปเสนอหัวหน้า พร้อมกับอธิบายว่า ทำไมเราถึงไม่ควรลงไปแข่งกับคู่แข่ง พอหัวหน้าฟังจบ ก็สั่งให้เขาเดินหน้าทันที

ช่วงนั้นเขาต้องบินเป็นว่าเล่น เหนื่อยมากๆ แต่ถึงตอนนี้เขารู้สึกว่า มันคุ้มกับที่ได้ลงแรงไป จากปัญหาการผลิตสินค้าไม่ทันคราวก่อน ก็ได้ขยายโรงงานไปด้วยระหว่างที่เจรจาการค้าแต่ละประเทศ เมื่อได้รับยอดสั่งซื้อมา จึงสามารถส่งของได้ตามจำนวนได้อย่างสบายๆ

เขาบอกว่าที่มาหาคราวนี้ เพราะต้องการรู้ว่า มีอะไรที่เขาจะต้องทำ หรือมองข้ามไปหรือเปล่า เพราะบริษัทกำลังไปได้ด้วยดี ไม่อยากให้สะดุด ... ไพ่ 3 ใบที่เขาหยิบได้ มี 6 เหรียญ, Temperance, 8 เหรียญ




มีไพ่เหรียญตั้ง 2 ใบ ท่าทางจะไปได้ดีใช่ไหม เขาเอ่ยออกมา แต่ไพ่ใบกลางทำให้เขาลังเลไม่แน่ใจ

ไพ่ใบกลางเป็น Temperance จากรูปเทวดากำลังถ่ายเทของเหลวระหว่างถ้วย 2 ใบ หันหน้ามาทางเรา และไพ่อีก 2 ใบหันหน้าไปคนละทางกัน ใช่แล้วครับ ไพ่ชุดนี้ขึ้นรูปแบบ Central Origin ... ไพ่รูปแบบนี้จะบอกว่า ผลหรือการกระทำของไพ่ใบซ้ายและขวาจะเกิดขึ้นได้ เพราะไพ่ใบกลาง หรือบอกได้ว่า ไพ่ใบกลางเป็นเหตุ ส่วนไพ่ที่เหลืออีก 2 ใบเป็นผล ... มีผลย่อมมีเหตุ ไม่มีเหตุย่อมไม่มีผล ^^

ไพ่ 6 เหรียญ ผู้ชายหรือพ่อค้า ในที่นี้อาจจะหมายถึงชายคนที่มาขอคำปรึกษา กำลังถือตาชั่ง และมอบเงินส่วนนึงให้กับผู้ตกยาก บอกอะไรกับชายคนนี้ได้บ้าง ... เขาเปิดตลาดหลายประเทศ การตัดสินใจว่าจะลงทุนแต่ละประเทศมากน้อยแค่ไหน เป็นสิ่งที่เขาต้องหาข้อมูล และชั่งน้ำหนักเอาจากข้อมูลที่ศึกษามา เหมือนตาชั่งที่เขาถืออยู่ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนั้นแล้ว การให้ความช่วยเหลือคนในประเทศนั้น หรือที่หลายบริษัทชอบทำกัน การตอบแทนสังคม ก็เป็นสิ่งที่เขาควรจะใส่ไว้ในแผนด้วย เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ไม่ใช่ว่าจะไปกอบโกยอย่างเดียว

ไพ่ 8 เหรียญ ผู้ชายกำลังนั่งตอกเหรียญ ไพ่ใบนี้หมายถึงการทำงานซ้ำๆ งานประจำ หรือกำลังสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง ... การวางระบบให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาต่อไป เขาไม่ควรที่จะต้องไปคอยตรวจสอบงานทุกขั้นตอน ทำทุกอย่างให้เป็นระบบ เขาจะได้มีเวลาวางแผน หรือเอาเวลาไปทำสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า และระบบที่เขาสร้างขึ้นมานั้น จะเป็นตัวสร้างความมั่งคั่งให้ในที่สุด

เขายิ้มแทบไม่หุบ เมื่อได้ฟังดังนั้น แต่ก็ต้องหุบยิ้มทันที เมื่อได้ยินคำว่า "แต่" ... แต่ว่า นั่นหมายถึงคุณต้องทำเหตุให้เสร็จก่อน และเหตุที่ว่าก็คือ Temperance ... ไพ่ใบนี้หมายถึงการปรับสมดุล ถ้าร่างกายเสียสมดุล ย่อมทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ แต่สำหรับเขา การเปิดตลาดใหม่ ย่อมทำให้การทำงานต่างๆ ที่ผ่านมาเปลี่ยนไป แม้แต่การขยายโรงงาน จำนวนคนที่มากขึ้น ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น การบริหารงานต่างๆ ที่ต้องปรับเปลี่ยน เพราะคุณไม่สามารถใช้วิธีการบริหารงานสำหรับคน 100 คน มาบริหารคน 1,000 คนได้ เหมือนปรับสมดุลระหว่างถ้วย 2 ถ้วย เมื่อถ้วยใดถ้วยหนึ่งมากกว่าอีกถ้วย เราก็ต้องเทไปเทมาจนกว่า 2 ถ้วยนั้นจะมีปริมาณเท่ากัน

เขาได้ลากลับไปพร้อมก้บแผนการคร่าวๆ ในใจ


ครับ สำหรับรูปแบบนี้นั้น เราไม่จำเป็นต้องเลือกทั้งสองข้าง อาจจะเลือกข้างใดข้างหนึ่ง หรือเลือกทั้งสองข้าง หรือจะไม่เลือกเลยก็ได้ คงจะต้องขึ้นอยู่กับคำถาม และไพ่ที่ได้ ไม่สามารถระบุชี้ชัดลงไป เพราะสุดท้าย การติดสินใจก็อยู่ที่คนๆนั้น

วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พร้อมที่จะตามหาคนร้าย กับ Sherlock Holmes หรือยัง

หลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อ Sherlock Holmes นักสืบอัจฉริยะ สัญชาติอังกฤษ ผู้ที่สืบหาร่องรอยผู้ร้ายจากจิ๊กซอเล็กๆ และขยายผลไปจนพบสาเหตุกระทำผิดได้ในที่สุด เป็นตัวละครที่ Arthur Conan Doyle ได้สร้างขึ้นมาในโลกนิยายได้เสมือนจริง จนบางคนคิดว่า Sherlock Holmes มีตัวตนจริงๆ

Sherlock Holmes กำเนิดในปี 1887 ในนิยายเรื่องแรกที่ชื่อว่า A Study in Scarlet หรือในบ้านเราได้มีการแปลออกมาในชื่อเรื่อง แรงพยาบาท และเป็นการพบกันของคู่หูที่เก่งไม่แพ้กัน Dr. Watson

หลังจากได้รับไพ่ชุดนี้มา แกะกล่องออกดู เปิดคู่มือไปได้สักพัก จากนั้นก็เก็บทุกอย่างไว้อย่างเดิม เมื่อตอนที่ได้รับมา นอกจากพลาสติกหุ้มกล่องเท่านั้น ที่ไม่สามารถทำให้เหมือนเดิมได้ ...  ไพ่แต่ละใบแสดงถึงตัวละครในนิยายเรื่องสั้นหลายตอนของ Sherlock Holmes เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการสืบคดี และผมไม่รู้จักตัวละครคนไหนเลย นอกจาก Holmes กับ Watson เนื้อเรื่องเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ นอกจากหนังที่เคยไปดูในโรง เมื่อนานมาแล้ว

สองสามวันต่อมา ผมไปหาซื้อหนัง Sherlock Holmes ที่ทำออกมา 2 ภาค และมาเปิดดูใหม่ ผมเข้าใจคู่มือมากขึ้น รวมถึงไพ่บางใบ แต่ก็ไม่ทั้งหมด ถามว่า ถ้าไม่รู้เรื่อง Sherlock Holmes มาก่อน ไม่เคยดูหนังเกี่ยวกับเรื่อง Sherlock Holmes มาก่อน ไม่เคยอ่านนิยายเรื่อง Sherlock Holmes มาก่อน จะไม่สามารถใช้ไพ่ชุดนี้ได้เหรอ .. คำตอบคือ ใช้ได้ครับ เพียงแค่คุณศึกษาคู่มือ ซึ่งจะอธิบายไพ่แต่ละใบและการแปลความหมาย คุณก็สามารถนำไปทำนายได้ปกติ ... แต่ถ้าคุณขี้สงสัยนิดนึง คุณจะรู้สึกค้างคา ตัวละครแต่ละตัวเกี่ยวข้องกันยังไง ทำไมต้องมีเหตุการณ์นี้ แล้วมันเริ่มต้นจากสาเหตุไหน .. คุณจะรู้สึกว่า มันไม่เต็ม (เป็นคำที่ได้มาตอนไปเข้ากลุ่มเรียนไพ่เมื่อวันเสาร์ ฮา) มันขาด

ก่อนจะไปไกล มาดูกันดีกว่าครับว่าไพ่ชุดนี้น่าสนใจ พอที่จะซื้อมาใช้หรือไม่


The Sherlock Holmes Tarot : Wisdom from the First Consulting Detective

แค่คำชื่อก็น่าสนใจแล้ว ถ้าจะได้ที่ปรึกษาเป็นนักสืบฉลาดๆ มาช่วยไขปัญหาต่างๆ ของเราและคนอื่น ไพ่ชุดนี้ถูกสร้างโดย John Matthews และ Wil Kinghan โดยหยิบเรื่องราวของ Sherlock Holmes นิยายชื่อดังของ Arthur Conan Doyle (ไม่แน่ใจว่าชื่อ Conan โคนัน การ์ตูนนักสืบยอดฮิต ยืมชื่อมาจากคนนี้หรือเปล่าน้าา ใครทราบก็มาบอกกันบ้างนะครับ) ยอดนักสืบอัจฉริยะกับคู่หู Dr. Watson ที่ช่วยไขคดีสำคัญต่างๆ ที่ตำรวจไม่สามารถทำได้

ไพ่ชุดนี้มาในกล่องกระดาษแข็งแรง ขนาด 8x6 นิ้วโดยประมาณ หน้ากล่องเป็นรูปของ Sherlock Holmes  ส่วนด้านหลังกล่องเป็นคำโปรยสั้นถึงที่มาของไพ่ชุดนี้ และคำโน้มน้าวให้คุณควรมีไว้เป็นเจ้าของ ^^ ที่สำคัญ Printed in China มิน่าล่ะ (ติดไว้ก่อน เดี๋ยวมาบอก)

คู่มือไพ่

ในกล่องประกอบไปด้วยหนังสือคู่มือ 160 หน้าที่บอกถึงที่มาของไพ่ ประวัติคร่าวๆ ของ Arthur Conan Doyle ในหนังสือได้บอกถึงสาเหตุที่ Sherlock Holmes เสมือนมีตัวตนจริงๆ เนื่องจากผู้แต่งได้หยิบบุคคลิกของ อ. ที่เขานับถือ Dr. Joseph Bell มานั้นเอง ... ในหนังสือจะอธิบายไพ่แต่ละใบชัดเจน สำหรับไพ่หลักจะใช้ 2 หน้า ส่วนไพ่รองจะใช้ 1 หน้า คำอธิบายจะแบ่งเป็น 
  • ส่วนของคำบรรยายหน้าไพ่ ตัวละคนในภาพ และเหตุการณ์นั้น 
  • ต่อมาส่วนของ The Game ที่จะบอกถึงคำแปลไพ่ปกติ 
  • และส่วน The Fog จะเป็นความหมายหัวกลับ (reverse)
  • ที่น่าสนใจก็คือประโยคในแว่นขยาย Holmesian Wisdom เป็นประโยคเด็ดของ Holmes ที่เดียว
จากคู่มือ ก็จะเป็นไพ่ที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 กอง ด้านหลังไพ่จะเป็นสีทอง มีตัวอักษร 221B ถ้าเป็นแฟน Sherlock Holmes คงจะเข้าใจความหมายของตัวเลขชุดนี้ดี ส่วนใครที่ไม่ทราบ บอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ได้ใบ้เลขงวดไหน เลข 221B นี้เป็นเลขที่ห้องของ Holmes ที่เขาอาศัยอยู่

เมื่อได้สัมผัสกับกระดาษ ความรู้สึกของไพ่ชุดอื่นๆ ที่มาจากสำนักพิมพ์ Connection กลับมาเลยครับ ไพ่ทำออกมาสวย แต่ไม่ลื่น คลี่แล้วติดเป็นก้อน ให้ได้อย่างนี้ทุกครั้งไปสินะ ที่บอกว่าติดไว้ก่อน ก็เรื่องกระดาษนี่แหละครับ .. ไม่รู้ว่ามีใครได้บอกปัญหานี้ให้ทางสำนักพิมพ์ทราบบ้างไหม .. ผมว่า หลายคนอาจจะตัดสินใจไม่ซื้อไพ่ของสำนักพิมพ์นี้ เพราะสาเหตุเรื่องกระดาษนี้แหละ ทั้งๆที่อยากได้มาก ... หวังว่าถ้าใช้บ่อยๆ แล้วจะดีขึ้นนะครับ ตอนนี้ก้อใช้คลี่บนมือไปพลางๆ ก่อน -_-"

ไพ่

ไพ่ Sherlock Holmes มี 78 ใบ โครงสร้างตาม Rider Waite แบ่งเป็นไพ่หลัก 22 ใบ และไพ่รอง 56 ใบ โดยไพ่รองแบ่งออกเป็น 4 ชุด ซึ่งมีชื่อเรียกใหม่ดังนี้
  1. Observation (Swords) สัญลักษณ์รูปตา
  2. Evidence (Wands) สัญลักษณ์รูปรอยรองเท้า
  3. Analysis (Cups) สัญลักษณ์รูปแว่นขยาย
  4. Deduction (Pentacles) สัญลักษณ์รูปเครื่องหมายคำถาม
Minor cards
และไพ่ใบที่ 79 : The Giant Rat of Sumatra มีมาทำไม ?
ที่มาของไพ่ใบนี้มาจากตอน The Sussex Vampire ในรายงานที่เขียนโดย Dr. Watson .. ผมก็ยังไม่เคยอ่านนะ แต่คงมีอะไรเกี่ยวข้องกับหนูยักษ์แน่ๆ ว่าไหม ^^ ... แล้วจะใช้ไพ่นี้ยังไง ในคู่มือบอกไว้หลายวิธี หนึ่งในนั้นคือเอาไว้วางแทนตัวคนมาถาม หรือหัวข้อที่ตาม หนูเนี่ยนะ อืมมม แต่ผมคงไม่ใช้ล่ะ


นอกจากชื่อชุดไพ่รองจะเปลี่ยนไปแล้ว ชื่อของไพ่ชุดหลักก็เปลี่ยนหมดทุกใบ เพื่อให้เข้ากับเนื้อเรื่อง อย่าง 
  • The Fool เปลี่ยนเป็น Inspector Lestrade นักสืบของกรมตำรวจ
  • The Magician เปลี่ยนเป็น The Great Detective ยอดนักสืบคนเก่งของเรา Holmes
  • The Lovers ก็เป็น Mr & Mrs J.H. Watson
และที่ผมจำได้อย่างดี เพราะพึ่งดูหนัง Sherlock Holmes ตอน Game of Shadow ศัตรูอันร้ายกาจ ที่เก่งไม่แพ้ Holmes จน Holmes ต้องตัดสินใจเสี่ยงตายกระโดดหน้าผาไปพร้อมกับศัตรูคนนี้ เพื่อที่กำจัดเขาให้ได้
  • The Devil ศัตรูอันร้ายกาจ Professor Moriarty
Major cards

ส่วนตัวเห็นว่าไพ่ชุดนี้น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบนิยายเรื่อง Sherlock Holmes ยิ่งไม่น่าพลาด ... ผมอยากอ่านนิยายเรื่องนี้มานานมาก แต่ก็ไม่เคยซื้อมาอ่านสักที ได้แต่หยิบๆ มองๆ และก็ผ่านไป ด้วยอคติที่ว่า น่าจะมีนิยายสนุกๆ ลึกลับ แต่ไม่ต้องมีการฆาตกรรมจะมีบ้างไหม ตอนที่ได้ดูหนังโรงก็สนุกตื่นเต้นไม่น้อย ... พอมาครั้งนี้ เมื่อเงื่อนไขครบ ก็ยกมาทั้งชุดเลย ^^


ติดรูป Giant Rat มา
ก่อนจะจบ ... มาถึงตัวอย่างการเปิดไพ่ ซึ่งได้เปิดถามไพ่ชุดนี้ว่า ผมจะเรียนรู้ไพ่ชุดนี้อย่างไร เพื่อที่จะสามารถนำไปทำนาย ไขปัญหา ให้คำแนะนำ หรือคำตอบคำถามได้ ... ผมหยิบไพ่มา 3 ใบ ได้ไพ่ 
  1. Baker Street Irregular
  2. Ace Analysys
  3. The Seven-Per-Cent Solution
ใช้หลักการอ่านไพ่ 3 ใบ นะครับ จากรูป เป็นแบบ Linear โดยอ่านจากขวาไปซ้าย สังเกตจากทิศทางการหันของตัวละครในรูป

เห็นหน้าไพ่แล้วรู้สึกว่า เหมือนไพ่จะรู้เลยว่าผมซื้อหนังสือมา ^^ ... The Seven-Per-Cent Solution หรือไพ่ Hierophant ในรูปแสดงภาพ Holmes หลังจากที่เสพโคเคน เป็นช่วงที่เขาจะปล่อยตัวเอง แต่ก็เป็นช่วงที่เขาเปิดการรับรู้ของตัวเอง ให้ลงลึกไปในภายใน เหมือนบอกให้ผมทำในสิ่งที่อยากทำ คืออ่านนิยายเรื่องนี้ซะ หรือแม้แต่หนังที่ซื้อมา ให้เข้าถึงเนื้อเรื่องต่างๆ

จากนั้นไพ่ใบที่ 2 Holmes นั่งอยู่ท่ามกลางแผ่นกระดาษ ซึ่งเป็นข้อมูลต่างๆ ที่เขาได้รวบรวมมา จากชิ้นส่วนต่างๆเหล่านั้น ก็จะนำมาปะติดปะต่อเป็นเรื่องราว ให้กระจ่างขึ้น ก็คงบอกถึงหนังสือ หรือหนังที่ผมซื้อมา ก็เหมือนกับกระดาษเหล่านั้น

และไพ่ใบสุดท้าย Holmes จะใช้เวลาในการไขปริศนาต่างๆ นานกว่าที่ควรจะเป็น ถ้าเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือจาก เด็กเกข้างถนน ที่ช่วยเขารวบรวมข่าวสาร ที่เขาไม่สามารถหาเองได้ .. ใช่แล้วครับ สุดท้ายก็จะได้รับข้อความ หรือจิ๊กซอตัวสุดท้าย ที่จะมาต่อกับเรื่องราวทั้งหมด เปิดเผยปริศนาออกมา 

ตัวอย่างเปิดไพ่ถาม 3 ใบ

แต่ถึงกระนั้น ... The Game is afoot !


วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การอ่านด้วยไพ่ 3 ใบ ... ตอนที่ 3

เพื่อไม่ให้เสียเวลา มาต่อในรูปแบบที่ 2 กันต่อเลยครับ

Choice

ทำไมถึงเรียกว่า choice กรณีนี้บ่งบอกถึงตัวเลือกที่ไพ่จะแสดงออกมาให้คุณเห็น แต่ว่าไม่ใช่ให้คุณเลือกนะ ไพ่ได้เลือกให้คุณแล้ว ลองมาดูกันดีกว่าว่าไพ่จะตอบคำถามอย่างไร .. จำชายคนที่แล้วได้ไหมครับ ที่มาให้ช่วยดูไพ่เมื่อตอนที่แล้ว ที่ต้องไปนำเสนองานให้กับหัวหน้า ปรากฎว่าหัวหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย จึงอนุมัติให้ผลิตสินค้าที่ได้นำเสนอออกขายได้เลย ช่วง 3 เดือนแรก สินค้าขายดีมาก ติดตลาดอย่างรวดเร็ว มียอดจองมากเกินกำลังผลิตให้พอกับตลาด ช่องว่างนี้เองที่ทำให้คู่แข่งแทรกเข้ามาในตลาด เมื่อผ่านไปอีก 3 เดือน ยอดจองสินค้าลดลง พร้อมกับคู่แข่งค่อยๆ แย่งชิงส่วนแบ่งตลาดไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าคุณภาพสินค้าของคู่แข่งจะสู้ของชายคนนี้ไม่ได้ แต่ด้วยราคาที่คู่แข่งตั้งไว้ถูกกว่านิดหน่อย แต่ก็มีผลกับการจัดสินใจซื้อของลูกค้าบางกลุ่ม

ตอนแรกเขาคิดจะลงไปแข่งเรื่องราคาด้วย แต่หัวหน้าได้ปรามไว้ และให้เขากลับไปคิดให้ดีก่อนว่าจะคุ้มหรือเปล่า เขาหาข้อมูลต้นทุนของตัวเอง และก็คู่แข่ง เมื่อพิจารณาดูแล้วค่อนข้างจะเสี่ยงเหมือนกัน ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี จึงแบกความกลุ้มใจมาขอให้ช่วยดูหน่อยว่า จะทำอย่างไรกับกรณีนี้ดี



ไพ่ที่เปิดได้มี The World, 2 Wands, Page of Swords

มาค่อยไล่ดูกันครับว่า ทำไมไพ่ชุดนี้ถึงเรียกว่า choice ... อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ไพ่ใบกลางจะเป็นจุดสำคัญที่ใช้ในการพิจารณารูปแบบที่จะเกิดขึ้น  กรณีนี้ไพ่ใบกลางเป็นไพ่ 2 ไม้ หันหน้าไปทางซ้าย พร้อมกันนั้นก็หันหลังให้กับ เด็กดาบ ถึงแม้ว่าจะหันหน้ามาทางซ้าย แต่ตัวของเด็กหันไปทางขวาแล้ว

การที่หันหลังชนกัน ถือเป็นการปฎิเสธทางเลือกนั้น และไปเลือกอีกข้างที่หันไปหา .. สำหรับไพ่ 2 ไม้ ไม้ที่แสดงถึงงาน ความปรารถนา แรงกระตุ้น ผู้ชายที่ยืนบนกำแพงเมือง ด้านหลังมีไม้อันหนึ่งที่ติดอยู่กับกำแพง บางคนอาจจะแปลว่า มีคนคอยสนับสนุน หรืออาจจะแปลได้ว่า ผู้ชายคนนี้ได้ทำงานงานนึงสำเร็จเรียบร้อยไปแล้ว ในมือข้างหนึ่งถือไม้ และข้างถือลูกโลก สายตามองผ่านตัวเมือง ผืนดิน ไกลออกไปยังทะเล นั้นหมายถึงเขากำลังมองหาสิ่งใหม่ คิดที่จะเริ่มงานใหม่ ไม่รอชื่นชอบกับงานที่สำเร็จไปแล้ว พร้อมที่จะออกผจญภัยอีกครั้ง แม้ว่าหนทางข้างหน้าจะล้มเหลว หรือสำเร็จก็ตาม

ส่วนที่เขาหันหลังให้ เด็กดาบ ที่ยกดาบถือเตรียมพร้อมที่จะตอบโต้กลับ ส่วนไพ่ The World ปกติแล้วจะหมายถึงความสำเร็จเป้าหมายในเรื่องของจิตใจ หรือจิตวิญญาณ เป้าหมายอะไรก็แล้วแต่ที่เมื่อสำเร็จแล้ว สามารถช่วยยกระดับจิตใจของเราให้สูงขึ้น หรือถ้าจะมองในเรื่องทางโลก ก็แสดงถึงความสำเร็จของเป้าหมายที่ได้วางไว้

มาตอบคำถามให้กับชายคนนี้กันดีกว่าครับ .. ไพ่ได้แนะนำให้ชายคนนี้ อย่าได้ลงไปแข่งราคากับคู่แข่ง แต่ให้มองไปที่เป้าหมายใหม่ อย่ายึดติดกับความสำเร็จเดิม มองให้ไกลไปอีก ใช่แล้วครับ ไพ่บอกว่า ให้ลองไปเปิดตลาดใหม่ หรือตลาดต่างประเทศดูสิ ถึงแม้จะเสี่ยง แต่ก็คุ้ม และโอกาสที่จะสำเร็จก็มีสูงด้วย

ชายคนนั้นเอ๊ะใจทันที .. ใช่แล้วเขาลืมไปได้อย่างไร ตอนนี้เขามัวแต่ดีใจกับความสำเร็จในขั้นต้น จึงลืมเป้าหมายเดิมที่วางไว้ ในแผนการที่นำเสนอหัวหน้า เป้าหมายระยะกลางเขาก็มีความคิดจะมุ่งสู่ตลาดเพื่อนบ้านอยู่ เพียงแต่ว่าต้องทำเร็วขึ้นเท่านั้นเอง เขาจะลองเอาไปคุยกับหัวหน้าดูอีกที

มาพิจารณาไพ่ The World กันอีกนิดครับ อาจจะมีคนเอ๊ะใจว่า ไพ่ใบนี้ต้องหันหน้าไปทางไหน สำหรับใบนี้จะเห็นว่า หันตัวไปทางขวา ซึ่งหันไปหาไพ่ใบที่สอง สมมติว่าเป็นไพ่ใบอื่นที่ไม่ใช่ The World แต่เป็นไพ่ที่หันหน้าตรงมองมาทางคนอ่านไพ่ เช่น King of Sword หรือ หันไปทางเดียวกับไพ่ 2 ไม้ เช่น The Fool ก็จะถือว่าเป็นรูปแบบ choice เหมือนกัน เพราะหลักสำคัญของรูปแบบนี้อยู่ที่ไพ่ใบกลางหันหลังชนกับหลังของไพ่ใบซ้ายหรือขวา ตัวเลือกที่จะถูกเลือก หรือคำแนะนำของไพ่ ก็จะเป็นทิศทางที่หันไปของใบกลาง ไม่งงกันนะครับ ใครงงลองอ่านซ้ำอีกหลายเที่ยวครับ ^^

เป็นยังไงบ้างครับ พอจะเห็นภาพชัดขึ้นอีกหรือยัง .. ไว้มาต่อรูปแบบต่อไปครั้งหน้านะครับ ^^


วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การอ่านด้วยไพ่ 3 ใบ ... ตอนที่ 2


ตอนแรกได้อธิบายเบื้องต้นไปแล้ว เกี่ยวกับการอ่านไพ่ 3 ใบ ตอนนี้เราจะมาพูดถึงรูปแบบที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการเปิดไพ่ 3 ใบ ซึ่งได้ทิ้งท้ายไว้ว่า มีรูปแบบที่เกิดขึ้นได้ 7 รูปแบบจากการสังเกตของ Robert M Place ในตอนนี้เราจะมาพูดถึงรูปแบบแรกกันครับ

Linear

การอ่านไพ่รูปแบบนี้จะอ่านเรียงจากซ้ายไปขวา หรือจากขวามาซ้าย โดยสังเกตจากทิศทางของบุคคลหรือวัตถุบนหน้าไพ่ เราจะเห็นพลังงานหรือการเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะดำเนินไปจากไพ่ใบแรก ไปไพ่ใบที่สอง และจบด้วยไพ่ใบที่สาม สำหรับไพ่ใบที่สามนั้น อาจจะไม่ได้หันหน้าไปทางเดียวกับ 2 ใบแรก โดยหันหน้ามาตรงๆ เหมือนจ้องมองดูเราก็ได้เหมือนกัน .. มาดูตัวอย่างกันดีกว่าจะได้เข้าใจมากขึ้น ซึ่งเป็นตัวอย่างจากหนังสือ


ผมอาจจะอธิบายไม่เหมือนกับในหนังสือ เพราะต้องการแยกประเด็นในการพิจารณา และการอ่านไพ่ ตามลำดับความคิดของผมว่า น่าจะเข้าใจง่ายกว่า .. คิดว่านะ ^^

เริ่มจากคำถามก่อนที่ว่า ชายคนหนึ่งต้องไปนำเสนองานให้กับหัวหน้า จึงอยากทราบว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร .. ไพ่ที่หยิบได้มี 9 ดาบ, เด็กดาบ และ 1 ดาบ .. แค่เห็นใบแรกก็รู้แหละว่าเจ้าตัวตอนนี้รู้สึกอย่างไร

เริ่มจากพิจารณาทิศทางของไพ่ก่อนว่าเข้ารูปแบบไหนใน 7 รูปแบบ แน่นอนว่าต้องรูปแบบแรกแน่นอน เพราะยกตัวอย่างในรูปแบบแรกนี่น่า 555 .. การหาทิศทางของไพ่ง่ายมาก เริ่มจากไพ่ใบที่ 1 มีคนนั่งบนเตียงซบกับมือ หน้าหันไปทางขวา ดาบทั้ง 9 เล่ม ปลายดาบก็ชี้ไปทางขวา ต่อมาไพ่ใบที่ 2 แม้จะเห็นว่าเด็กในรูปหันหน้าไปทางซ้าย แต่ให้สังเกตตัวของเด็กที่หันไปทางขวา และมีแนวโน้มว่าจะก้าวไปทางนั้น และไพ่ใบสุดท้าย 1 ดาบ มือที่โผล่มาจากทางซ้าย ยื่นไปทางขวา ซึ่งจะเห็นว่าทั้ง 3 ใบ บุคคลและวัตถุหันไปทางเดียวกัน คือทางขวา

ที่นี้มาลองอ่านไพ่กัน ดูว่าสามารถตอบคำถามใหักับชายผู้น่าสงสารได้หรือไม่ เริ่มจากใบแรก ที่แสดงถึงความเครียด และความกลัว ซึ่งไพ่ดาบเป็นเรื่องของความคิดอยู่แล้ว สิ่งที่เขากลัวคือเหตุการณ์ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งก็คือการที่ต้องนำเสนองานให้กับหัวหน้า .. ใบที่สอง เด็กดาบ ซึ่งอาจจะเหมือนถึงผู้ชายคนนั้น (เป็นไพ่ที่ไม่อยู่นิ่ง ต้องมีการกระทำออกมา) ที่จะต้องแสดงความมั่นใจไว้ แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางลมแรงหรือก็คือสภาวะที่ไม่อำนวย เป็นอุปสรรค ดูจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็ก ต้นไม้ เส้นผม แต่เมฆอาจจะไม่ชัดเจนนัก ลักษณะดาบที่ชี้ขึ้นหมายถึงความคิดทางบวก ที่เจ้าตัวมองไปในทางที่ดี แต่กระนั้นก็ยังกังวล กลัวอยู่ จากการที่หันหน้าไปยังไพ่ใบแรก แต่ก็ต้องเก็บไว้ในใจ .. ใบที่ 3 แสดงถึงความสำเร็จในการนำเสนองานในครั้งนี้ ซึ่งเป็นไอเดียใหม่ ที่หัวหน้าชอบ .. ถึงแม้จะกังวล แต่ก็จบลงด้วยดี

ประเด็นที่น่าสนใจในการอ่านไพ่คือ การสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างไพ่แต่ละใบ ให้สังเกตสัญลักษณ์ในไพ่สอดคล้องกับไพ่ใบอื่นหรือไม่ อย่างกรณีนี้ไพ่ทุกใบเป็นดาบหมด ซึ่งดาบแทนเรื่องของความคิดเป็นหลัก แต่ถ้าใครมาสาย อ. ขุนทอง ดาบก็คืออุปสรรค เจอไพ่ดาบ แสดงว่าไม่ง่ายแล้ว ต้องออกแรงฟันฝ่า

ดาบในไพ่ใบที่ 3 ที่ยื่นออกมาจากเมฆ เป็นดาบเล่มเดียวกับที่เด็กถืออยู่หรือไม่ ตรงนี้ก็สามารถเอามาเชื่อมกันได้ หรือแม้แต่ทิศทางของดาบ ใบแรกดาบวางขวาง อาจจะไม่ดีไม่ร้าย แต่ดาบก็ไม่ดีอยู่ดี ส่วนไพ่ 2 ใบหลัง ดาบชี้ขึ้น แสดงถึงทิศทางบวก มีความหวังแน่นอน แต่ต้องพยายาม

ทำไมทิศทางดาบถึงบอกดีร้ายได้ ลองมาดูตัวอย่างที่ 2 ดีกว่าครับ สมมติว่าชายคนนั้นแทนที่จะหยิบได้ไพ่ 1 ดาบ แต่กลายเป็น 3 ดาบแทน ผลจะเป็นไง



ให้สังเกตไพ่ 3 ดาบนะครับ ปลายดาบชี้ลงแสดงถึงทิศทางลบ ไพ่ 3 ดาบมีความหมายเสียใจ ผิดหวัง แน่นอนเปิดได้ไพ่แบบนี้ ถึงแม้พยายามยังไง แต่จบไม่สวยแน่ ส่วนจะน้ำตาตกเหมือนสายฝนไหม ก็แล้วแต่คนนะ อิอิ .. สำหรับใครที่อ่านไพ่คนอื่นอยู่ เจอแบบนี้แล้วอย่าเพิ่งหยุด หรือจบแค่คำถามนี้นะครับ คุณควรจะเป็นที่ปรึกษาที่ดี พร้อมให้คำแนะนำที่จะช่วยแก้ไขให้กับเขาด้วย อาจจะด้วยการถามต่อว่า ถ้าเป็บแบบนี้แล้ว เขาควรจะทำอย่างไร เพื่อให้การเสนองานครั้งนี้สำเร็จด้วยดี .. หยิบต่อเลยครับ อีก 3 ใบ ^^

สงสัยจะได้ตอนละรูปแบบแล้วมั้งเนี่ย ในหนังสือก็สั้นนิดเดียวนะ แต่ทำไมเขียนออกมาได้ยาวขนาดนี้ ไว้เจอกันตอนหน้านะครับ

ปล. ผมขอให้คำแนะนำสำหรับการอ่านไพ่ 3 ใบไว้ล่วงหน้าเลยดีกว่าครับ เผื่อใครอยากจะลองเอาไปใช้งานดูก่อน .. ทั้ง 7 รูปแบบนั้น ถ้าเปิดไพ่ออกมาแล้ว ไม่แน่ใจว่ามันไปอยู่ในรูปแบบไหน สามารถอ่านเป็นรูปแบบ Linear ได้เลย คือให้อ่านเป็นเหตุการณ์ไล่จากไพ่ใบแรก ใบที่สอง และใบที่สาม ได้เลย ซึ่งอาจจะมีหลายคนอ่านแบบนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นใครจะยึดอ่านแบบนี้แบบเดียวก็ไม่ผิดครับ

วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Art of Life : เมื่อชีวิตต้องออกแบบเอง

ความรู้สึกของ Charlene Livingstone ตอนนี้เหมือนกับเดินๆอยู่ แล้วเสียหลักล้มลง เมื่อทราบว่าสามีเริ่มมีอาการอัลไซเมอร์ 

Charlene Livingstone รับอ่านไพ่ทาโรต์ให้คนอื่นเป็นงานอดิเรก เสมือนสิ่งบังเทิงอย่างนึงยามว่าง เธอไม่ค่อยรู้ด้วยซ้ำไปว่า ไพ่แต่ละใบหมายความว่าอย่างไร ประวัติศาสตร์ของไพ่ทาโรต์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

แต่เมื่อจุดเปลี่ยนมาถึง .. ตอนที่เธอได้ทราบว่าสามีของเธอมีอาการอัลไซเมอร์ เธอพบว่าตัวเองหันมาเปิดไพ่มากขึ้น ศึกษาความหมายของไพ่อย่างจริงจัง จากที่เคยไม่สนใจ เพื่อบางอย่าง

คืนหนึ่ง เธอได้ฝันเห็นไพ่ Knight of Wands มันช่างดูชัดเจนมาก มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน หรือแม้แต่ใครหลายๆ คน เธอตื่นมาพร้อมกับคำถามในใจ .. สิ่งนี้ต้องการบอกอะไรเธอ ..

สาเหตุอาจมาจากความเครียด แต่ละคนมีหนทางแก้ปัญหาเรื่องความเครียดต่างๆ กันไป บ้างก็หันหาศาสนา บ้างก็เข้ารับการบำบัด บ้างก็หนีหายจากสถานการณ์ตรงไหน แต่เธอเลือกที่จะเพิ่มพลังให้กับตัวเองผ่านไพ่ทาโรต์

ไพ่อัศวิน  บ่งบอกถึงช่วงเวลาที่ต้องลงมือกระทำบางสิ่งบางอย่าง และมันคืออะไรล่ะ ? .. ในเมื่อไพ่ทาโรต์ได้ช่วยเหลือเธอในยามท้อแท้ สูญเสียความหวัง เธอจึงอยากที่จะสร้างไพ่ทาโรต์ ไพ่ที่จะช่วยเยียวยา เพิ่มพลังใจ ให้กับผู้ที่นำไปใช้ เหมือนกับชีวิตของเธอ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา

แต่เธอไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไพ่ขนาดนั้น เธอจะสร้างมันได้อย่างไร .. เธอเริ่มค้นหาจากสิ่งที่เธอมี ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะ คำคมที่ให้ข้อคิดต่างๆ จนได้เป็นไพ่ที่ประกอบไปด้วย ภาพศิลปะอันสวยงาม กับคำคม กลายเป็นความหมายเฉพาะตนของผู้ที่นำไปใช้

และนี่ก็เป็นที่มาของ ไพ่ทาโรต์ชุด Art of Life



สามารถเอาไพ่ใส่ได้เหมือนรูป
ไพ่ชุดนี้ผลิตในปี 2012 โดย US Games ในรูปแบบกล่องอย่างสวยงาม ตัวอย่างออกแบบให้ฝาสามารถเปิดตั้งได้ และมีช่องไว้ให้ใส่ไพ่ ในกรณีที่เราชอบไพ่ใบใดใบหนึ่ง หรือเลือกเปิดไพ่วันละใบ พร้อมนำไพ่ใบนั้นมาใส่ เหมือนรูปตั้งโต๊ะ

ไพ่ชุดนี้มี 78 แบ่งเป็นไพ่หลัก 22 ใบ ไพ่รอง 56 ใบ
ขนาดไพ่จะใหญ่กว่าไพ่ปกติพอสมควร ในไพ่แต่ละใบจะมีภาพงานศิลปะของศิลปินต่างๆ บ้างภาพหลายคนอาจจะเคยเห็นมาก่อน ใต้ภาพจะระบุชื่อภาพศิลปะนั้น พร้อมกับชื่อศิลปินที่วาดภาพ

ต่อจากนั้นจะเป็น คำคม ของบุคคลสำคัญตั้งแต่อดีต หลังไพ่เป็นภาพต้นไม้ น่าจะของศิลปินที่ชื่อ Gustav Klimt ซึ่งมีภาพของศิลปินคนเดียวกันบนไพ่ Death

แม้ขนาดไพ่จะใหญ่ กระดาษที่ใช้ทำสามารถคลี่ได้ลื่นดี


การอ่านไพ่คุณ Charlene Livingstone ตั้งใจให้ผู้ที่นำไปใช้กำหนดความหมายเฉพาะตัวขึ้นมาเอง โดยอาศัยภาพศิลป และคำคม อย่างที่เธอได้เคยเรียนรู้มา



ภาพจากบ้านเราเอง
แต่ที่เซอร์ไพรส์ก็คือ 1 ใน 78 ใบนี้ มีภาพศิลปะของชาวไทยอยู่ด้วย และเป็นไพ่ที่ผมก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน ลองดูกันเองแล้วกันครับ .. ตอนนั้นเธอคิดอะไรอยู่กันแน่

.. เธอคิดอะไรอยู่ .. (เพลงของพี่ป้าง)


ภาพสุดท้าย ผมได้ลองเปิดทำนายเรื่องงานๆ นึง แต่จำไม่ได้แล้ว พอเห็นรูป Pual Writing ก็น่าจะเกี่ยวกับงานเขียน ภาพใบที่ 2 และ 3 ล้วนหันมาทางใบแรก .. เป็นหนึ่งรูปแบบการอ่านไพ่แบบ 3 ใบ ที่ผมยังติดค้างอยู่ (-_-"


สำหรับความเห็นส่วนตัว แค่ภาพศิลปในไพ่แต่ละใบ ก็สมควรมีไว้ในครอบครองแล้ว หนึ่งวันหยิบหนึ่งใบ ตั้งโต๊ะ ชื่นชมศิลปขณะที่นั่งทำงานไปด้วย .. ทั้งยังสามารถนำมาใช้งานได้อย่างดีอีกต่างหาก

ไพ่ชุดนี้น่าจะยังพอหาซื้อได้ที่ร้านเอเซียบุ๊ค หรือร้านคิโนะคุนิยะ หรือจะซื้อที่เวป Amazon ก็ไม่ว่ากันครับ

เปิดไพ่ทาย 3 ใบ

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เริ่มต้นศึกษาไพ่ทาโรต์ ไพ่ชุดไหนที่คุณควรจะซื้อ ? (ตอนจบ)

ก่อนที่จะไปต่อข้อที่ 2 ผมขออธิบายเล็กน้อยเกี่ยวกับไพ่ทาโรต์ สำหรับบางคนที่อาจจะยังไม่ทราบ เพราะเริ่มต้นมาจริงๆ

ถ้าพูดถึงไพ่ทาโรต์ เราจะหมายถึงไพ่ที่มี 78 ใบในหนึ่งสำรับ (แต่หลังๆ บางชุดจะมีไพ่พิเศษเพิ่มเติมมาอีก 1-4 ใบ แล้วแต่ผู้สร้างไพ่ชุดนั้นๆ) ทั้ง 78 ใบนี้แบ่งออกเป็นชุดหลัก (Major) และชุดรอง (Minor)

โดยไพ่ชุดหลักจะมี 22 ใบ ซึ่งนักอ่านไพ่จะให้ความสำคัญหรือน้ำหนักมากกับไพ่ชุดนี้ เพราะเป็นแรงผลักหรือเหตุการณ์นอกเหนือการควบคุมของผู้ที่มาดู

ไพ่ชุดหลัก (Major) 22 ใบ

สำหรับไพ่ชุดรองจะมี 56 ใบ แบ่งย่อยลงไปอีก 4 กลุ่มตามธาตุ ดังนี้
1. ไพ่ถ้วย (Cup) ธาตุน้ำ
2. ไพ่ไม้ (Wand) ธาตุไฟ
3. ไพ่ดาบ (Sword) ธาตุลม
4. ไพ่เหรียญ (Pentacle) ธาตุดิน

ในไพ่ชุดรอง 1 กลุ่ม มีไพ่ทั้งหมด 14 ใบ ประกอบไปด้วยไพ่หมายเลข 1 - 10 และไพ่บุคคลอีก 4 ประเภทคือ เด็ก (Page), อัศวิน (Knight), ราชินี (Queen) และ ราชา (King)

ไพ่ชุดรอง (Minor) 56 ใบ


ไพ่ชุด Rider Waite ถึงแม้ว่าจะเป็นไพ่มาตรฐาน คนใช้กันเยอะ แต่ผมอยากให้คนที่สนใจเรียนรู้ไพ่ทาโรต์มีเก็บไว้อย่างน้อย 1 ชุด เพราะอะไรน่ะหรือครับ เพราะไพ่ชุดนี้เป็นชุดแรกที่มีการวาดภาพคน วัตถุ ครบทั้ง 78 ใบ ออกมาขายให้บุคคลทั่วไป .. แต่ไม่ใช่ชุดแรกที่มีการวาดภาพคน วัตถุ ครบ 78 ใบนะครับ ไว้มีโอกาสจะนำมาบอกกล่าวภายหลัง .. ที่บอกว่ามีการวาคภาพคน วัตถุ ครบนั้น เนื่องจากว่ามีไพ่ทาโรต์อีกแบบ ที่ไพ่ชุดรอง หรือ Pip cards มีเพียงสัญลักษณ์ไม้ ถ้วย ดาบ และเหรียญ บนหน้าไพ่ โดยมีจำนวนตามหมายเลขของไพ่ใบนั้น เช่น ไพ่ 5 ดาบ ก็มีจะรูปดาบอยู่ 5 อันบนหน้าไพ่ จึงกล่าวได้ว่าเป็นไพ่คลาสสิกชุดหนึ่ง ที่ยังมีขายอยู่ ส่วนจะชอบชุดไหนก็ลองเลือกกันดูครับ ตามรายชื่อที่ได้บอกไปแล้ว


มาต่อ ข้อที่ 2 ในการเลือกไพ่สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาไพ่ทาโรต์ .. ที่จริงข้อนี้ไม่ค่อยสำคัญ หรือไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ครับ เพราะเมื่อคุณมีไพ่ 1 ชุดจากข้อแรกแล้ว ในข้อที่ 2 นี้จึงเป็นการเติมเต็มความรู้สึกของคุณที่อดกลั้น ทนใช้ไพ่มาตรฐาน มาจนสามารถอ่านคล่อง ทายเป็น แล้ว .. ถึงเวลาแล้วที่จะมีไพ่ที่บ่งบอกบุคคลิกของคุณสักที

ครับข้อนี้ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย เมื่อคุณมีพื้นฐานการใช้งานไพ่ทาโรต์แล้ว ถึงเวลาที่คุณจะต้องตลุยไปในกองไพ่ทาโรต์อันใหญ่โตมโหฬาร นับร้อย นับพันชุด เพื่อตามหาชุดที่ใช่สำหรับคุณ ภาพวาดของศิลปินคนไหนที่โดนใจคุณ ซึ่งจะทำให้การอ่านไพ่ของคุณเป็นเรื่องที่สนุกมากขึ้น

ไพ่ทาโรต์เกือบทั้งหมด (แต่ไม่หมด) จะทำเลียนแบบไพ่ชุด Rider Waite หรือที่เรียกว่า Rider Waite Clone การให้ความหมายของไพ่แต่ละใบจะอ้างอิงความหมายเดิม จึงเป็นเหตุว่า ทำไมบ้างคนไม่ได้ใช้ชุด Rider Waite แต่อ่านไพ่โดยใช้ความหมายของ Rider Waite .. ไพ่ทาโรต์มีการสร้างใหม่มาเรื่อยๆ ผู้ที่สร้างไพ่ (คิดรูปแบบของไพ่) กับศิลปิน (ซึ่งอาจจะเป็นคนเดียวกับผู้สร้างหรือคนละคนก็ได้) จะออกแบบภาพที่ต่างไปจากภาพของ Rider Waite หรือเลือกแสดงภาพที่สื่อถึงความหมายที่เขาต้องการเน้น แต่ก็ยังคงความหมายเดิมไว้ อาจจะมีไพ่บางใบของบางชุดที่ความหมายต่างออกไปเลยก็มี .. ถ้าคุณมีไพ่หลายๆชุดแล้ว จะเข้าใจเองครับ

อยู่ดีๆ จะให้ไปเลือกที่ร้านเลยก็อาจจะยากสักหน่อย เพราะในร้านเขาห้ามแกะ เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากล่องที่เลือก พอแกะออกมาภาพจะใช่ในแบบที่เราชอบหรือไม่ .. กรณีนี้ผมแนะนำให้ลองไปเข้าไปดูตัวอย่างไพ่ได้ที่เวปไซต์

1. Aeclectic Tarot   สร้างโดยคุณ Kate Hill นักอ่านไพ่และสะสมไพ่ มีรายชื่อไพ่มากกว่า 1,000 ชุด แต่ละชุดก็จะมีตัวอย่างไพ่บางใบให้ดู พอที่จะรู้ลักษณะของไพ่ชุดนั้นๆได้ บางชุดก็จะมีคนมารีวิวให้อ่านกัน จะมีอัพเดตรายชื่อไพ่ที่ออกมาใหม่ๆ ตลอดเวลา

2. rozamira tarot's Gallery  สำหรับเวปนี้คุณสามารถดูไพ่ได้ทั้งชุดเลยทีเดียว ถ้าดูจากเวป Aeclectic Tarot ยังไม่จุใจ ต้องการเห็นไพ่ทุกใบก็ลองเข้าไปหาดูในนี้อีกทีครับ

มีอยู่ช่วงหนึ่งผมนั่งไล่ดูตั้งแต่ตัวอักษร A จนถึง Z เลยทีเดียว

แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลาพอสมควร ในการนั่งไล่ดูไพ่แต่ละชุด ซึ่งมันอาจจะทำให้คุณตื่นเต้น หรือเบื่อไปเลย เพราะฉะนั้นเอาไว้ว่างๆ คุณค่อยมานั่งดูดีกว่า .. วิธีที่ง่ายกว่านั้นคือ หันซ้ายหันขวาดูครับ ว่ามีคนที่คุณรู้จักและใช้ไพ่ทาโรต์อยู่บ้างไหม ถ้าเจอลองถามเขาดูครับว่า เขาชอบไพ่ชุดไหนบ้าง มีชุดไหนแนะนำบ้างไหม เผื่อรสนิยมจะตรงกัน

หรือถ้าหันไปแล้วไม่เจอใครเลย แบบว่าแถวนั้นไม่มีใครสนใจไพ่ทาโรต์เหมือนคุณ ผมได้เลือกรายชื่อไพ่ที่ผมชอบ (ส่วนตัว) มาให้คุณลองพิจารณาดู ซึ่งรายชื่อไพ่ที่นำมาแสดงนั้นยังสามารถหาซื้อได้ที่ร้านเอเซียบุ๊ค และร้านคิโนะคุนิยะ บ้านเรา .. มาดูกันเลยครับ


รายชื่อไพ่
1. Dreaming Way Tarot
http://www.kinokuniya.com/th/index.php/fbs003?common_param=9781572817128
Sample images

2. Shadowscapes Tarot Deck
http://www.kinokuniya.com/th/index.php/fbs003?common_param=9780738727325
http://www.kinokuniya.com/th/index.php/fbs003?common_param=9780738715797
Sample images

3. Legacy of the Divine Tarot
http://www.kinokuniya.com/th/index.php/fbs003?common_param=9780738715650
Sample images

4. Deviant Moon Tarot Deck
http://www.kinokuniya.com/th/index.php/fbs003?common_param=9781572816114
Sample images

5. Deviant Moon Tarot Borderless Edition
http://www.kinokuniya.com/th/index.php/fbs003?common_param=9781572817715

6. The Mary-el Tarot (with cards) (ภาพจะต่างกับ ไพ่ทาโรต์มาตรฐานมาก ต้องดูแบบผสม oracle คือดูจากภาพประกอบ)
http://www.kinokuniya.com/th/index.php/fbs003?common_param=9780764340611
Sample images

7. The Steampunk Tarot
http://www.kinokuniya.com/th/index.php/fbs003?common_param=9780738726380
Sample images

8. Witches Tarot
http://www.kinokuniya.com/th/index.php/fbs003?common_param=9780738728001
Sample images

9. Gaian Tarot
http://www.kinokuniya.com/th/index.php/fbs003?common_param=9780738718910
Sample images

10. The Law of Attraction Tarot
http://www.kinokuniya.com/th/index.php/fbs003?common_param=9781401937263
Sample images


ผมทำลิ้งไว้ที่เวป Amazon กับที่ร้านคิโนะคุนิยะไว้ให้นะครับ สำหรับของร้านเอเซียบุ๊ค อาจจะต้องลองค้นเองในเวปดูนะครับ .. ลองเลือกดูนะครับ หรือจะซื้อทั้งหมดนี่ก็ไม่ว่ากันครับ ^^


ส่วนใครมีวิธีเลือกไพ่อย่างไร หรือมีไพ่ชุดไหนสวยๆ อย่าลืมมาแนะนำเพื่อนๆ กันมั้งนะครับ .. ขอจบการเลือกไพ่สำหรับผู้ที่สนใจเริ่มศึกษาไพ่ทาโรต์แต่เพียงเท่านี้นะครับ .. ขอให้มีความสุขกับไพ่ชุดใหม่ๆครับ

วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เริ่มต้นศึกษาไพ่ทาโรต์ ไพ่ชุดไหนที่คุณควรจะซื้อ ?

เคยมีคนถามว่า สนใจเริ่มต้นศึกษาไพ่ แต่จะซื้อไพ่ชุดไหนดี เพราะมีให้เลือกเยอะไปหมด

เมื่อนานมาแล้ว ผมเข้าใจ(เอง)ว่า ไพ่ทาโรต์มีแบบเดียวคือชุด Rider Waite ถึงตอนนี้ก็ยังมีคนคิดแบบผมเหมือนกัน จนได้มีโอกาสไปเรียนไพ่เป็นเรื่องเป็นราว จึงรู้ความจริงที่ว่า ไพ่ทาโรต์มีเป็นพันๆชุดเลยนี่หว่า -_-"

ถ้าจะเริ่มต้นศึกษา ควรจะซื้อไพ่ชุดไหน ?

คำถามง่ายๆ แต่ลำบากที่จะตอบแบบฟันธง ถ้ามีไพ่ชุดเดียวแบบที่เข้าใจก็คงจะดี .. ว่าแล้วจะเลือกไพ่ชุดไหนดีล่ะ ผมเคยอ่านวิธีการเลือกไพ่จากหลายที่ หลายเล่ม เขาแบ่งเกณฑ์การเลือกไว้หลายข้อทีเดียว แต่ละคนก็มีมุมมองต่างกันไป ซ้ำกันก็มี แต่ทำไมมันยุ่งยากจัง .. ตอนเริ่มฝึกไพ่ ผมคงไม่รู้หรอกว่าจะเอาไพ่ไปใช้ทำอะไรบ้าง ไว้ดูให้ตัวเอง ไว้ดูให้เพื่อน ไว้ไปตั้งโต๊ะดูให้คนอื่น .. จะต้องมีกี่ชุดถึงจะเหมาะกับอนาคตนักอ่านไพ่ขั้นเทพอย่างเรา ชุดนี้สำหรับความรัก ชุดนี้สำหรับเรื่องงาน เรื่องเงินอีกชุดแล้วกัน เอาเรื่องลี้ลับอีกชุดก็น่าจะดี เห็นมีไพ่น่ากลัวๆหลายชุด .. ผมว่าเริ่มแรก หลายคนสนใจใคร่รู้ถึงความมหัศจรรย์ของไพ่ ที่สามารถบอกเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ ถ้าเราศึกษาไว้ เวลาติดขัดหรืออยากรู้อะไรก็จะได้ถามไพ่ให้ไพ่บอกกับเรา ไม่ต้องเสียเวลาเสียตังค์ไปดูกับคนอื่นด้วย คราวนี้สบายล่ะ .. แต่ผมว่า ยังไงหลายคนก็ยังอยากที่จะไปดูกับคนอื่นอยู่ดี ^^

นั่นสิครับ ตอนนั้นคงไม่มีใครรู้หรอก ว่าชุดไหนเหมาะกับตัวเอง ถึงแม้จะเห็นตัวอย่างภาพของไพ่แต่ละชุดแล้ว ชุดนี้ชอบมาก เห็นภาพแล้วรักเลย กลายเป็นว่าพอเอามาใช้ อ่านไม่ออกว่าภาพต้องการสื่ออะไร สุดท้ายก็ไปใช้ความหมายเดิมๆ ของไพ่

จากทั้งหมดทั้งมวลนั้น ผมสรุปวิธีการเลือกไพ่สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นศึกษาไพ่ทาโรต์เหลือแค่ 2 ข้อ .. น้อยไปไหม ไม่หรอกครับ เอาง่ายๆเข้าไว้ดีที่สุดครับ

ข้อแรก เริ่มจาก ถ้าใครยังไม่มีไพ่ชุดไหนมาก่อนเลย หรือเคยซื้อไพ่มาแล้ว แต่อยากจะมาเริ่มต้นใหม่กับคนอื่นเขาบ้าง แนะนำให้เริ่มต้นด้วยชุดไพ่ตระกูล Rider Waite ไพ่มาตรฐานที่นิยมใช้กันนี่แหละครับ .. ที่เรียกว่าตระกูลเพราะไพ่ชุดนี้มีหลายชุดและหน้าตาก็คล้ายๆกัน ลูกพี่ลูกน้องกันก็ว่าได้ บ้างก็ต่างแค่ชื่อ บ้างก็ต่างที่สี แล้วแต่ว่าใครทำ ใครผลิต แต่เราคงไม่ต้องไปลงละเอียดขนาดนั้น ผมจะไล่เท่าที่ทราบให้ดังนี้ครับ


1. The Rider Tarot Deck หรือ The Rider Waite Tarot Deck กล่องสีเหลืองสดใส หน้ากล่องเป็นรูปไพ่ The Magician สร้างโดยคุณ Arthur Edward Waite วาดภาพโดยคุณ Pamela Colman Smith พิมพ์ครั้งแรกกับสำนักพิมพ์ Rider ในปี 1909 ต่อมาจัดพิมพ์และจำหน่ายโดย US Game ในปี 1971 จนถึงปัจจุบัน ชุดนี้เป็นชุดที่นิยมซื้อกันมาก ทำให้หลายคนเข้าใจว่าไพ่มาตรฐานต้องกล่องนี้เท่านั้น ถึงขั้นไปเห็นไพ่ชุดอื่นที่ไม่เหมือนกับชุดนี้ ก็คิดว่าไม่ใช่ไพ่ทาโรต์ซะงั้น .. ส่วนว่าจะใช่ไม่ใช่ อ่านต่อไปจะทราบเองครับ

2. The Original Rider Waite Tarot Pack  ชุดนี้มาในรูปแบบกล่องฝาเปิด ขนาดกว้างกว่าแบบแรก 2 เท่า เนื่องจากอีกข้างนึงจะเป็นคู่มือ หน้ากล่องพิมพ์ชื่อชุดและรูปงูกินหาง ไพ่ชุดนี้พิมพ์จากแม่พิมพ์ซึ่งต่อมาได้ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังไพ่จะเป็นลาย Tudor Rose ที่ออกแบบมาตั้งแต่แรก (ลายบนฝากล่อง ผมชอบ) ซึ่งจะต่างจากชุดที่ 1 ที่หลังไพ่จะเป็นลายตาราง .. ชุดนี้สร้างโดยคุณ Arthur Edward Waite และ Pamela Colman Smith เหมือนกัน
3. Universal Waite Tarot Deck ชุดนี้ภาพเหมือนกับ 2 ชุดแรก แต่มีการลงสีใหม่โดยคุณ Mary Hanson-Roberts (เป็นคนเดียวกับที่สร้างไพ่ชุด Hanson-Roberts) ซึ่งหลายคนชอบชุดนี้มาก เพราะให้สีที่สามารถสื่ออารมณ์ของภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น กล่องเป็นสีน้ำเงิน-ม่วง ไพ่ชุดนี้มีขนาดปกติ และขนาดเล็กลงมาเรียกว่า Pocket Edition โดยกล่องขนาดเล็กจะเป็นกล่องแข็งและมีเปิดฝาจากด้านบน ผมชอบขนาดเล็กนี้แหละเพราะพกพาง่ายดี
4. Radiant Rider-Waite Tarot ชุดนี้เหมือนกับชุดแรก แต่ได้ให้สีใหม่โดย US Game ผู้ผลิตไพ่รายใหญ่ 3 ชุดแรกที่กล่าวไปก็ผลิตโดยบริษัทนี้ สีที่ให้ใหม่จะสดใส สว่าง แสบสันกว่าชุดเดิมมาก ใครที่ชอบสีสดๆ ไม่ควรพลาด แต่เสียอย่างเดียว ไพ่ติดกันนี่สิ คลี่ทีติดเป็นปึกๆ ต้องใช้ไปสักระยะถึงจะดีขึ้น
5. Albano-Waite Tarot Deck ชุดนี้ผมไม่ได้ซื้อไว้ เพราะเห็นครั้งแรกรู้สึกว่ามันต่างกับชุดมาตรฐาน อย่างรูปไพ่หน้ากล่องที่เป็นไพ่ 7 เหรียญ มีพื้นหลังสีเขียว สีสันผิดไปจากปกติจนผมไม่กล้าซื้อ เพราะกลัวจะซื้อมาผิด หลังจากที่รู้จักกับไพ่มากขึ้น จึงมาทราบว่าเป็นการลงสีใหม่อีกแบบนึง โดยใช้ภาพเดิมจากชุดมาตรฐาน ส่วนไพ่ข้างในเป็นอย่างไรบ้าง คงไม่สามารถบอกได้ .. ว่าจะหาซื้อมาดูไว้สักกล่องเหมือนกัน
ตัวอย่างรูป
6. Tarot Total Rider Waite Tarot With Book ชุดนี้ผมไปเห็นที่ร้านคิโนะคุนิยะ กล่องเป็นพลาสติก หน้ากล่องเป็นรูปไพ่ The Magician ภายในกล่องจะมีคู่มืออยู่เล่มนึง 133 หน้า ส่วนไพ่จะเหมือนกับชุด Rider Waite

7. Smith-Waite Centennial Tarot Deck เป็นชุดที่ผลิตมาเพื่อฉลองครบ 100 ปีของไพ่ที่วาดโดย Pamela Colman Smith ตั้งแต่ปี 1909 ภาพอาจจะแตกต่างจากชุดมาตรฐาน เพราะหลังจากนั้น Arthur Edward Waite ได้มีการแก้ไขภาพบางภาพ และปรับสีใหม่ แม้แต่ไพ่ที่ทำจาก 2 ท่านนี้ก็ยังมีต่างกันอยู่ 2-3 ชุด ภาพของชุดนี้จะออกทึมๆ เหมือนกับชุด Original Rider Waite แต่หลังไพ่จะต่างกัน
ตัวอย่างรูป

ทั้ง 7 ชุดที่ยกตัวอย่างมานี้ ต้นแบบมาจากไพ่ที่สร้างโดยคุณ Arthur Edward Waite วาดภาพโดยคุณ Pamela Colman Smith ทั้งสิ้น จากนั้นค่อยมาเปลี่ยนแปลงตามความชอบของศิลปินในยุคต่อๆมา และทั้ง 7 ชุดนี้ ยังสามารถหาซื้อได้จากร้าน Amazon ตามลิ้งค์ที่ให้ไว้ หรือในบ้านเราก็ยังคงสามารถหาซื้อได้ที่ร้านเอเซียบุ๊ค กับ ร้านคิโนะคุนิยะ

เพราะฉะนั้น สำหรับผู้เริ่มต้นที่จะเรียนรู้ไพ่ทาโรต์ แนะนำให้หาซื้อไพ่ชุดใดชุดหนึ่งใน 7 ชุดนี้ หรือเป็นชุดอื่นที่คล้ายกัน แต่ไม่ได้นำมาแสดงไว้ เพราะผมก็ไม่ได้ทราบทั้งหมดว่ามีชุดไหนออกมาบ้าง สาเหตุที่แนะนำชุดตระกูล Rider Waite ก็เพราะว่าหนังสือส่วนใหญ่ที่เกี่ยวกับไพ่ทาโรต์ ที่ออกมาขาย ทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ จะอ้างอิงจากชุดนี้เป็นหลัก นอกเหนือจากคู่มือไพ่ที่แถมมากับไพ่ชุดอื่นโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่จะให้คุณหามาศึกษาได้อย่างมากมาย คุณสามารถเรียนรู้ความหมายของไพ่แต่ละใบ การใช้งานไพ่ในลักษณะต่างๆ รูปแบบการวางไพ่ และเทคนิคของผู้แต่งหนังสือแต่ละคนที่ได้มาจากประสบการณ์การใช้ไพ่ทำนายให้กับผู้อื่น

อย่าเห็นว่ามีคนอื่นใช้กันเยอะ ใช้ซ้ำๆกัน กลัวว่าจะโหล .. ความแตกต่างไว้คุณค่อยไปหาเอาทีหลัง หลังจากที่คุณสามารถอ่านไพ่ทาโรต์ได้ระดับนึงแล้ว ตอนนั้นก็ยังไม่สายที่คุณจะหาไพ่ที่ในประเทศนี้มีคุณใช้อยู่คนเดียว โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ^^

ภาพด้านล่างเป็นรูปกล่องไพ่ชุดที่ 1,2,3,4 และ 6 (ไม่มี 5, 7) เพื่อใครยังไม่เคยเห็น เวลาซื้อจะได้หยิบถูก


อีกภาพผมหยิบไพ่แต่ละชุดออกมาให้ดู ว่าแตกต่างกันอย่างไร



เมื่อผ่านการเรียนรู้ไพ่ชุดมาตรฐานมาแล้ว หรือใครที่ทำใจใช้ไพ่ชุดเหล่านี้ไม่ได้ ก็จะไปต่อข้อที่ 2 สำหรับค้นหาไพ่ที่ถูกใจต่อไป .. ขอยกไปต่อตอนหน้านะครับ

ปล. คงจะไม่มีใครถามต่อนะครับ ว่าควรอ่านหนังสือเล่มไหนดี -_-" 

วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การอ่านด้วยไพ่ 3 ใบ ... ตอนที่ 1

ผมได้เปิดประเด็นเรื่องการอ่านด้วยไพ่ 3 ใบทิ้งในในเพจ ตะกร้าหวาย จากคอมเม้นต์ในโพสนั้น ทำให้ทราบว่า น่าจะยังไม่เข้าใจประเด็นกันชัดเจน วันนี้ผมจะมาขยายให้เห็นกันชัดว่า การอ่านด้วยไพ่ 3 ใบ มีรูปแบบยังไง และสามารถอ่านได้อย่างไร

ขอบอกก่อนว่าวิธีการอ่านแบบนี้ ผมอ่านเจอในหนังสือของ Robert M. Place ที่ชื่อว่า Alchemy and the Tarot: An Examination of the Historical Connection with a guide to The Alchemical Tarot (พิมพ์ในปี 2011) ที่สั่งซื้อมาในปี 2012 โดยตรงกับ Robert M Place เนื่องจากเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับไพ่ The Alchemical Tarot ที่ผมซื้อมาพร้อมกัน

ในบทท้ายๆ Robert ได้พูดถึงการใช้งานไพ่หัวกลับ (Upright down หรือ Reversed card) ว่าจำเป็นหรือไม่ ถ้าใครสังเกตจะเห็นว่า การวางไพ่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มหนึ่งใช้ไพ่หัวตั้งอย่างเดียว ไม่ว่าตอนเปิดไพ่หรือหงายไพ่ ถ้าไพ่หัวกลับอยู่ ก็จะจับหันให้อยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง คือให้มันตั้งเหมือนกันหมด และอีกกลุ่มคือ เมื่อหงายไพ่ขึ้นมา ถ้ามีไพ่หัวกลับอยู่ ก็จะทิ้งไว้แบบนั้น เวลาอ่านไพ่หัวกลับ ก็จะอ่านอีกความหมายนึงซึ่งต่างจากความหมายไพ่หัวตั้ง (ส่วนจะอ่านอย่างไร ขอละไว้แล้วกันนะครับ เดี๋ยวจะยาว -_-')

Robert มองว่าไพ่ทาโรต์เป็นเหมือนสัญลักษณ์ภาพ คล้ายกับ ภาษาภาพของอียิปต์ (Hieroglyphs) ที่ตีความโดยการอ่านสัญลักษณ์หรือรูปรวมกันออกมาเป็นความหมายหรือประโยค การอ่านไพ่ทาโรต์จึงน่าจะเป็นลักษณะเดียวกัน .. ถ้าพูดง่ายๆว่า ไพ่ทาโรต์มี 78 ใบ แต่ละใบมีหนึ่งความหมาย ก็จะได้ 78 ความหมาย เมื่อมีการกำหนดความหมายของไพ่หัวกลับ ก็จะได้ความหมายเพิ่มอีก 78 ความหมาย รวมเป็นทั้งหมด 156 ความหมาย .. เขาจึงเสนอว่า การตอบคำถามหนึ่งคำถาม ให้ใช้ไพ่ 3 ใบ โดยอ่านไพ่ทั้ง 3 ใบนี้ เป็นเรื่องราวออกมา เริ่มจากไพ่ใบแรกซ้ายมือ ไพ่ใบที่สองตรงกลาง และสุดท้ายไพ่ใบที่สามขวามือ ไพ่แต่ละใบก็จะมีบุคคลิก ความหมายเฉพาะตัว ที่บอกเล่าเรื่องราวเดียวกัน ถ้าให้ผมเปรียบเทียบก็คงคล้ายกับ ให้คน 3 คนที่ต่างบุคคลิกกัน เล่าเรื่องเดียวกัน โดยเรื่องที่เล่ามานั้นสอดคล้อง เชื่อมโยงกัน

สมมติผมใช้ไพ่ 1 ใบสำหรับตอบคำถาม ผมก็จะได้คำตอบที่เป็นไปได้ทั้งหมด 78 คำตอบ หรือ 156 คำตอบถ้าใช้ไพ่หัวกลับด้วย และถ้าผมเปลี่ยนมาใช้การตอบคำถามด้วยไพ่ 3 ใบ ตามที่ Robert แนะนำล่ะ จะได้คำตอบที่เป็นได้ทั้งหมดเท่าไหร่ .. ใครเรียนเลข เรื่องความน่าจะเป็น คิดให้หน่อยสิครับ ติ๊กต๊อกๆๆ ตัวเลขที่ได้คือ 456,456 ห๊าาาา มันช่างมากมายเหลือเกิน แล้วนี่ถ้าปกติผมใช้ไพ่ 3 ใบ วางแบบ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ล่ะ ผมได้จะกี่ความหมาย .. มาดูกันเลยครับ

ตำแหน่ง อดีต      [ แบบ 1 ใบ 78 ความหมาย]   [ แบบ 3 ใบ 456,456 ความหมาย]
ตำแหน่ง ปัจจุบัน [ แบบ 1 ใบ 77 ความหมาย]   [ แบบ 3 ใบ 405,150 ความหมาย]
ตำแหน่ง อนาคต [ แบบ 1 ใบ 76 ความหมาย]   [ แบบ 3 ใบ 357,840 ความหมาย]

สำหรับผมแล้วมันเพียงพอ อาจจะมากเกินด้วยซ้ำไปครับ กับความหมายที่ได้มาด้วยวิธีนี้ .. ก่อนหน้านี้ ผมสนใจวิธีการอ่านไพ่หัวกลับเหมือนกัน พยายามศึกษาการอ่านความหมาย การสับไพ่ ที่ต้องสับให้มีไพ่หัวกลับผสมไปด้วย แม้ว่าได้อ่านหนังสือการใช้ไพ่หัวกลับ การอ่านความหมาย ตัวอย่างการทาย ทั้งในบ้านเรา และต่างประเทศ ทั้งทึ่งในความมแม่นยำ และมุมมองของไพ่หัวกลับ แต่ความรู้สึกภายในของผมเหมือนต้านอยู่นิดๆ .. ด้วยวิธีของ Robert นี้อาจจะเป็นคำตอบสำหรับผมก็ได้ ต้องรอดูต่อไปครับ

ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ได้คิดจะปฎิเสธการใช้ไพ่หัวกลับ หรือให้เลิกใช้งานกันนะครับ นี่เป็นเพียงอีกทางเลือกหนึ่งในการอ่านไพ่ .. สำหรับใครที่ใช้ไพ่หัวกลับอยู่ ถ้าคุณถนัดและเชียวชาญอยู่แล้ว ก็ให้ใช้ต่อไปนะครับ เพราะการอ่านไพ่ทาโรต์ เป็นการสื่อสารระหว่างคุณกับไพ่ คุณกำหนดวิธีการไว้อย่างไร ให้ใช้แบบนั้น ใช้สิ่งที่คุณถนัด ที่คุณสบายใจ แต่ถ้าคุณจะนำเอาวิธีใช้ไพ่ 3 ใบ ไปประยุกต์ใช้กับไพ่หัวกลับด้วย คุณจะได้ความหมายอีกเท่าตัวทีเดียว .. เห็นไหมครับ เราอยู่ร่วมกันได้ ^^
ก่อนจะไปต่อ มาลองดูตัวอย่างง่ายๆ กันครับ สมมติว่ามีเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่งต้องการจะกู้เงินจากธนาคารเพิ่มเติม จากที่เคยกู้ไปก่อนหน้านี้ และคราวนี้ก็มากกว่าเดิมด้วย เลยไม่มั่นใจว่าธนาคารจะอนุมัติหรือไม่ จึงมาปรึกษากับ "ตะกร้าหวาย"

โดยบทสนทนาแรก เป็นการเปิดไพ่ด้วยใบเดียว
เจ้าของบริษัท : ตะกร้าหวาย ช่วยดูไพ่ให้พี่ทีสิว่า พี่จะไปขอกู้เงินเพิ่มจากธนาคาร เขาจะอนุมัติให้หรือเปล่า กลุ้มใจอยู่เนี่ย งานกำลังไปได้ดี ตอนนี้เห็นช่องทางออกต่างจังหวัด กะว่าจะรีบขยายเลย กลัวเจ้าอื่นตัดหน้า ถ้าจะรอให้ผลกำไรจากครั้งก่อนกลับมา ก็กลัวจะไม่ทัน
ตะกร้าหวาย : ได้เลยพี่ เลือกไพ่มานึงใบครับ
[หยิบได้ไพ่ The Sun]
เจ้าของบริษัท : ไพ่ดีใช่ไหม เห็นแล้วสดใสดี
ตะกร้าหวาย : ครับ สำเร็จแน่นอนพี่ วางใจได้ ร่าเริงซะขนาดนี้ ไพ่ The Sun บอกถึงความสำเร็จเลยครับ
เจ้าของบริษัท : งั้นพี่ก็สบายใจ ว่าจะเลยไปธนาคารเลย ขอบใจมาก .. เอ้า ไม่ต้องทอน



บทสนทนาที่สอง เป็นการเปิดไพ่ 3ใบ
เจ้าของบริษัท : ตะกร้าหวาย ช่วยดูไพ่ให้พี่ทีสิว่า พี่จะไปขอกู้เงินเพิ่มจากธนาคาร เขาจะอนุมัติให้หรือเปล่า กลุ้มใจอยู่เนี่ย งานกำลังไปได้ดี ตอนนี้เห็นช่องทางออกต่างจังหวัด กะว่าจะรีบขยายเลย กลัวเจ้าอื่นตัดหน้า ถ้าจะรอให้ผลกำไรจากครั้งก่อนกลับมา ก็กลัวจะไม่ทัน
ตะกร้าหวาย : ได้เลยพี่ เลือกไพ่มา 3 ใบครับ
[หยิบได้ไพ่ The Sun, Justice, The Fool]
เจ้าของบริษัท : ไพ่ดีใช่ไหม จำ The Sun ได้ แต่ใบอื่นไม่แน่ใจ .. ว่าไงจะสำเร็จหรือเปล่า
ตะกร้าหวาย : ครับ สำเร็จแน่นอนพี่ วางใจได้ ร่าเริงซะขนาดนี้ ไพ่ The Sun บอกถึงความสำเร็จเลยครับ แต่เขาจะขอดูรายละเอียดโครงการของพี่ก่อนนะ ว่าเป็นไปได้แค่ไหน และอีกอย่างพอได้เงินมาแล้ว พี่ต้องระวังเรื่องการใช้จ่ายด้วยล่ะ ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ มือเติบซะงั้น จะพังเอาได้น่า เดี๋ยวหาว่าไม่เตือน
เจ้าของบริษัท : งั้นเหรอ โอเคเดี๋ยวพี่กลับไปเตรียมเอกสารสำหรับนำเสนอก่อน ส่วนเรื่องการใช้จ่ายจะระวัง ตอนแรกว่าจะขยายที่เดียว 10 จังหวัด แต่จะกลับไปคิดใหม่อีกที ขอบใจมากช่วยได้เยอะเลย .. เอ้า ไม่ต้องทอน


อย่างที่บอกไปแล้วว่า การอ่านไพ่ 3 ใบ จะอ่านเรียงจากซ้ายไปขวา ไล่ลำดับเรื่องราวไปเรื่อยๆ ใบต่อใบ โดยให้อยู่ในเรื่องเดียวกัน แต่จากการสังเกตของ Robert เขาเห็นรูปแบบของไพ่ 3 ใบ โดยพิจารณาจากท่าทางต่างๆ ของภาพคน วัตถุ ที่อยู่ใบไพ่แต่ละใบ และแบ่งออกมาได้ 7 รูปแบบคือ

  1. Linear
  2. Choice
  3. Meeting
  4. Central Origin
  5. Central Destination
  6. Central Problem
  7. Central Teacher

(ในหนังสือหน้า 236)

ตอนที่ผมอ่านคำอธิบายในหนังสือ และดูจากรูปที่ให้มา ก็พอจะเข้าใจนะ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะอ่านไพ่อย่างไรเหมือนกัน

... จน 2 ปีผ่านไป ...

ผมก็ได้มาเจอหนังสืออีกเล่มหนึ่งของ Robert ที่หมดไปนานแล้ว ถือว่าโชคดีสุดๆ หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า The Tarot: History, Symbolism, and Divination พิมพ์เมื่อปี 2005 ในหนังสือพูดถึงประวัติ สัญลักษณ์ และการทำนายด้วยไพ่ทาโรต์ พร้อมความหมายของไพ่ชุด Rider Waite .. ที่สำคัญ ในท้ายเล่ม วิธีการอ่านไพ่แบบ 3 ใบครับ ใช่แล้ว Robert ได้บอกวิธีนี้มาตั้งนานแล้ว และยิ่งกว่านั้น ในแต่ละรูปแบบทั้ง 6 รูปแบบ (ตอนนั้นยังไม่มีรูปแบบที่ชื่อว่า Meeting) ได้ยกตัวอย่างวิธีการอ่านไพ่ พร้อมกับหน้าไพ่จริงๆ ให้ดูด้วย .. ^_^ จึงเป็นสาเหตุที่ผมกล้านำวิธีนี้มาแนะนำ เพราะถ้าขืนแนะนำไปก่อนหน้านี้ ก็ไม่สามารถอธิบายให้ชัดเจนได้ เนื่องจากความสามารถในการอ่านไพ่ยังล้มลุกคลุกคลานอยู่ .. ไม่ได้ถ่อมตัว แต่รู้ตัว ถึงแม้เดี๋ยวนี้ ดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังพูดได้ไม่เต็มปาก -_-" ..

ขอพักไว้เท่านี้ก่อนนะครับ ไว้ตอนต่อๆไป จะมาพูดถึงแต่ละรูปแบบ และตัวอย่างการอ่านกัน .. ^^